ในปี 2024 Harrison ได้เริ่มจัดส่งคอนโซล 32Classic รุ่นใหม่ไปทั่วโลก 32Classic รองรับการทำงานแบบดั้งเดิมหรือแบบไฮบริด โดยผสาน 32C four-band parametric EQ ที่มีชื่อเสียงเข้ากับ HP และ LP Filter แบบปรับค่าได้ รวมถึงมี Harrison mic preamp ที่ผ่าน Tranformer จำนวน 32 ตัว พร้อมระบบ Convert สัญญาณ AD/DA คุณภาพสูงในตัวถึง 64 Channel รองรับการ Monitor แบบ 7.1.4 immersive และมาพร้อม Dante AoIP interface เพื่อการเชื่อมต่อเสียงผ่านเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Harrison 32C: การออกแบบระบบ Inline ครั้งแรกสำหรับการอัดเสียง Multitarck
32C ซึ่งเปิดตัวในปี 1975 เป็น Console ตัวแรกของผู้ผลิตที่นำเสนอการออกแบบ Inline อันล้ำสมัยของ Dave Harrison ผู้ก่อตั้งบริษัท โดยมีจุดเด่นคือเส้นทางสัญญาณ Input และ Monitor Return รวมอยู่ในโมดูลแชนแนลเดียวกัน และยังเป็นมิกเซอร์ตัวแรกของโลกที่มี Bus Multitrack ถึง 32 Channel ในปี 1977 ที่สตูดิโอ The Village Harrison 3232C Console (32 Input) ถูกนำมาแทนที่ MCI ในห้อง Studio A ซึ่งเป็นห้องโปรดของวง Steely Dan ในขณะที่รุ่น 4032C (40 Input) ถูกติดตั้งแทน Quad Eight ในห้อง Studio B ลูกค้าและทีมของสตูดิโอต่างใช้ประโยชน์จากฟังก์ชัน inline ที่แปลกใหม่และจำนวน Bus Output ที่มากของ Console Harrison รุ่นใหม่นี้
"ฉันจำได้ว่า Console ของ Harrison ใช้งานง่ายแค่ไหน รวมถึงความสามารถในการ Monitor แบบ inline ได้ดีมาก" Lenise Bent กล่าว เธอเริ่มงานในเดือนสิงหาคม ปี 1976 และเป็นหนึ่งในสี่ผู้หญิงจากหก Assistant Enginer ในสตูดิโอ The Village Lenise เธอทำงานเป็นผู้ช่วยของ Sound Engineer อย่าง Roger “The Immortal” Nichols เป็นเวลากว่า 10 เดือนในห้อง Studio A ในระหว่างการบันทึกเสียงอัลบั้ม Aja ของวง Steely Dan และต่อเนื่องด้วยการบันทึกเสียงช่วงแรกสำหรับอัลบั้มถัดไปของวง Gaucho (ซึ่งได้รับรางวัลแกรมมี่ในสาขาวิศวกรรมเสียงในปี 1982) หลังจากนั้น เธอได้เข้าร่วมทีมกับ Engineer/Producer อย่าง Pete Henderson ในการบันทึกเสียงอัลบั้ม Breakfast in America ของวง Supertramp ซึ่งใช้เวลาหลายเดือนในห้อง Studio B
"ฉันชอบที่สามารถเลือกวิธีการบันทึกเสียงได้ถึงสี่แบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบ inline หรือใช้ทุกอย่างผ่าน Fadder และยังสามารถสลับฟังก์ชันระหว่างไมโครโฟนกับมอนิเตอร์ได้" Lenise Bent กล่าวต่อ "นอกจากนี้ ฉันยังชอบการสร้าง Sub Group และ Stereo Pair โดยทำให้ Track หนึ่งเป็นมาสเตอร์ มันทำให้การมิกซ์ง่ายมาก นี่ถือว่าเป็นนวัตกรรมในยุคนั้น และฉันไม่เคยเห็นใครใช้ Pre-amp หรือ EQ อื่นเลยนอกจากที่อยู่บน Console"
"การที่ EQ เป็นแบบพาราเมตริก คอนโซลมีระบบ Automation แบบ VCA และมี Bus ถึง 32 Channel มันล้ำหน้ากว่าคอนโซลเก่าๆ มาก" Hernán Rojas กล่าวเสริม เขาเป็นวิศวกรและผู้ช่วยวิศวกรที่ The Village ในช่วงเวลาเดียวกับ Bent Rojas ได้ใช้คอนโซล Harrison ในหลายโปรเจกต์ รวมถึงรีมิกซ์ซิงเกิลบางเพลงจากอัลบั้ม Rumours ของ Fleetwood Mac ร่วมกับวิศวกร Ken Caillat และ Richard Dashut รวมถึงงานเพลงดิสโก้ของค่าย Butterfly Records อีกหลายรายการ
ระบบ Monitor แบบ Inline ที่ล้ำสมัยการมี Input Path ที่สองผ่านช่องสัญญาณทำให้ Hernán Rojas สามารถใช้ oscillator ที่ความถี่ 60 Hz หรือแม้แต่ 40 Hz กับ Side-Chain ของ Kick เพื่อเพิ่ม Sub Bass ได้ เขากล่าวว่า “นี่เป็นอีกสิ่งที่ทำให้ Harrison ยอดเยี่ยม เพราะถ้าเราใช้ Input บน Fader ปกติจนหมดแล้ว เรายังสามารถนำสัญญาณเข้าผ่านระบบ Monitor แบบ inline และเพิ่มเข้าไปใน Mix ได้ และสำหรับเพลง Disco ซึ่งมักมีความยาวและต้องการความแม่นยำสูง การปรับ EQ ที่ย่านเสียงต่ำช่วยได้อย่างมาก”
Jeff Harris ซึ่งเริ่มทำงานที่ The Village ในช่วงเวลาเดียวกับ Lenise Bent และทำงานที่นั่นเกือบ 19 ปี มีบทบาททั้งในฐานะผู้ Assistant Engineer และ Technician ของสตูดิโอในช่วงการบันทึกเสียงอัลบั้ม Breakfast in America อัลบั้มลำดับที่หกและประสบความสำเร็จที่สุดของวง Supertramp ที่มียอดขายมากกว่า 25 ล้านชุดจนถึงปัจจุบัน "Pete Henderson เก่งมากในการทำให้เสียงจากคอนโซล Harrison ออกมาดีอย่างน่าทึ่ง" เขาเล่าความทรงจำ "คอนโซลนี้ให้เสียงที่หนักแน่นมากในยุคนั้น และเขาสามารถดึงศักยภาพของมันออกมาได้อย่างเต็มที่ คอนโซลนี้ให้เสียงที่ยอดเยี่ยมและมีความยืดหยุ่นสูง"
The Village ได้อัปเกรดจากการบันทึกเสียง 16 Track เป็น 24 Track ก่อนที่ Harrison จะถูกนำมาใช้ และสำหรับการบันทึกเสียงอัลบั้มของ Supertramp Harris กล่าวเสริมว่าเขาได้ Sycn เครื่องบันทึกเทป Ampex แบบ 24 Track สองเครื่องเข้าด้วยกัน เพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากบัส 32 Channel ของ Console
เมื่อ Lenise Bent ออกจาก The Village ในปี 1980 เพื่อทำงานร่วมกับโปรดิวเซอร์ Mike Chapman เธอได้สั่งสมประสบการณ์การทำงานหลายชั่วโมงในสตูดิโอบนคอนโซล Harrison ทั้งใน Studio A และ Studio B กับโปรเจกต์ต่างๆ เช่น อัลบั้ม Sheik Yerbouti และ Joe's Garage ของ Frank Zappa, Twin Sons of Different Mothers ของ Dan Fogelberg และ Tim Weisberg, Watermark ของ Art Garfunkel และอัลบั้มซาวด์แทร็ก The Buddy Holly Story
“อัลบั้ม Mannequin ของ Marc Jordan ก็ถูกบันทึกเสียงด้วยคอนโซล Harrison เช่นกัน” Bent กล่าว “มันเป็นอัลบั้มที่มีเสียงที่อุ่นและไพเราะมาก และประสบความสำเร็จในโลกดนตรีสไตล์อีซี่ลิสเทนนิง/สมูธแจ๊ซ” อัลบั้ม Mannequin ซึ่ง Sound Engineer คือ Roger Nichols รวมทั้งยังมีนักดนตรีหลายคนที่เคยร่วมงานในอัลบั้มของ Steely Dan ในช่วงเวลานั้นอีกด้วย
Harrison: ส่วนสำคัญของมาตรฐานระดับสูง
"เมื่อ Geordie Hormel เริ่มต้นสร้าง The Village เขาต้องการให้ที่นี่มีเทคโนโลยีที่ดีที่สุดสำหรับนักดนตรี ในบรรยากาศที่ดีและราคาที่สมเหตุสมผล" Hernán Rojas กล่าว เทคโนโลยีด้านเสียงกำลังก้าวไปอีกขั้นในช่วงเวลานั้น และคอนโซล Harrison สองเครื่องก็มาถึงพร้อมกับการที่สตูดิโอเปลี่ยนไปใช้การบันทึกเสียงแบบ 24 Track พร้อมกับการติดตั้งระบบลดเสียงรบกวนของ Dolby และ Eventide Diogital Delay Line ตัวแรกในสตูดิโอ
"Geordie เป็นทั้งนักคิดและนักมองการณ์ไกล เรามีเทคโนโลยีล้ำสมัยที่สุดที่ The Village" Jeff Harris เห็นด้วย
ในปี 2013, Lenise Bent ได้มีโอกาสทำงานเป็น Sound Engineer และอัลบั้มนี้ถูก Mix แบบ Analogue ทั้งหมด โดยบันทึกลงเทปและตัดลงแผ่นเสียงสำหรับวงร็อค Primal Kings ที่ Entourage Studios ใน N. Hollywood ด้วยคอนโซล Harrison 4032C เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สมัยทำงานที่ The Village "มันรู้สึกดีมากที่ได้บันทึกเสียงผ่าน Harrison ทุกอย่างมันดีไปหมด" เธอกล่าว "ทุกอย่างมันยอดเยี่ยมมาก — พลังงาน, ดนตรี, สมาชิกวง, และห้องที่ยอดเยี่ยมที่ Roger Nichols มีส่วนสำคัญในการออกแบบ มันเป็นโปรเจกต์ที่ฉันชอบมากที่สุดโปรเจกต์หนึ่งในอาชีพของฉัน และ Harrison Console ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การบันทึกนั้นมีมาตรฐานและคุณภาพที่สูงมาก"
ขอบคุณข้อมูลจาก :
Comments